admin
เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี 2024: แนะนำและเปรียบเทียบรุ่นยอดนิยม
บทนำ
การดูแลสุขภาพเริ่มจากสิ่งพื้นฐานอย่างอากาศที่เราหายใจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของคนทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่อากาศสกปรกมากขึ้นทุกวัน การมี เครื่องฟอกอากาศ ในบ้านหรือที่ทำงาน จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วในปี 2024 เครื่องฟอกอากาศช่วยกรองฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารพิษต่างๆ ในอากาศให้บริสุทธิ์ขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาดูว่า เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี 2024 เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมกับการเปรียบเทียบคุณสมบัติของแต่ละรุ่น การรีวิวจากผู้ใช้งานจริง และคำแนะนำที่ครบถ้วน
ความสำคัญของเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบัน
มลพิษทางอากาศเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว การสูดอากาศที่ปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายทุกวันอาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับปอด โรคภูมิแพ้ หรือแม้แต่โรคมะเร็งบางชนิด การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านจึงช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องฟอกอากาศที่มีเทคโนโลยีการกรองขั้นสูงจะช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก กลิ่นไม่พึงประสงค์ และสารพิษที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้บ้านของคุณกลายเป็นพื้นที่ที่อากาศสะอาดสดชื่นมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่อยู่ในเมืองใหญ่ที่มีปัญหามลพิษทางอากาศสูง หรือบ้านในเขตชนบทที่ยังคงมีฝุ่นละอองและสารเคมีในอากาศ เครื่องฟอกอากาศก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้สุขภาพของคุณและคนในครอบครัวดีขึ้น
ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณควรคำนึงถึงปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อการใช้งานและประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ เรามาดูกันว่าปัจจัยเหล่านี้มีอะไรบ้าง
- ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละออง: เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระบบกรอง HEPA ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรมีฟิลเตอร์คาร์บอนที่ช่วยกำจัดกลิ่นและสารเคมีในอากาศ
- ขนาดพื้นที่ที่ต้องการฟอก: ขนาดพื้นที่ที่เครื่องฟอกอากาศสามารถครอบคลุมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ถ้าห้องมีขนาดใหญ่ ควรเลือกรุ่นที่สามารถฟอกอากาศได้ครอบคลุมถึงพื้นที่ทั้งหมด
- เสียงรบกวนขณะทำงาน: เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นทำงานด้วยเสียงที่เงียบมาก ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนหรือพื้นที่ที่ต้องการความสงบ
- ฟังก์ชันเพิ่มเติม: ฟังก์ชันเสริม เช่น การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน การตั้งค่าโหมดการทำงานอัตโนมัติ หรือระบบแสดงคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ จะช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา: ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฟิลเตอร์ และระยะเวลาการใช้งานของฟิลเตอร์ในแต่ละรุ่น
5 อันดับเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดในปี 2024
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวม 5 อันดับเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดในปี 2024 ซึ่งผ่านการทดสอบและรีวิวจากผู้ใช้งานจริง มาเปรียบเทียบให้คุณเห็นข้อดีและข้อเสียของแต่ละรุ่นอย่างชัดเจน
1. Philips Series 3000i
Philips Series 3000i เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการฟอกอากาศ สามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบกรอง VitaShield IPS นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อควบคุมการทำงานจากระยะไกล
- ข้อดี: ระบบกรองฝุ่นละเอียด มีโหมดฟอกอากาศอัตโนมัติ และสามารถฟอกอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่
- ข้อเสีย: ราคาสูงเมื่อเทียบกับเครื่องฟอกอากาศรุ่นอื่น
2. Xiaomi Air Purifier 4 Pro
Xiaomi Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่คุ้มค่ามากในตลาด ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 ที่ยอดเยี่ยม มีฟิลเตอร์คาร์บอนที่ช่วยกำจัดกลิ่น และสามารถเชื่อมต่อกับแอป Mi Home เพื่อควบคุมการทำงานได้จากระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน
- ข้อดี: ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ให้มา รองรับการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนและทำงานเงียบ
- ข้อเสีย: พื้นที่การใช้งานจำกัดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
3. Dyson Pure Cool TP07
Dyson เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของดีไซน์และนวัตกรรม Dyson Pure Cool TP07 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมฟังก์ชันพัดลมในตัว ซึ่งทำให้สามารถกระจายอากาศได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังใช้ระบบการกรอง HEPA ที่สามารถกำจัดฝุ่นละอองและสารพิษในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อดี: ฟังก์ชัน 2 in 1 เป็นทั้งเครื่องฟอกอากาศและพัดลม พร้อมดีไซน์ที่สวยงาม
- ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง
4. Sharp FP-J80TA
Sharp FP-J80TA มาพร้อมกับเทคโนโลยี Plasmacluster ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในอากาศ สามารถกำจัดฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีโหมดการทำงานอัตโนมัติที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
- ข้อดี: ระบบ Plasmacluster ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดการสะสมของเชื้อโรคในอากาศ
- ข้อเสีย: ใช้พลังงานมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
5. Blueair HealthProtect 7770i
เครื่องฟอกอากาศจาก Blueair เป็นทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน Blueair HealthProtect 7770i มีการใช้เทคโนโลยี HEPASilent Ultra ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองฝุ่นละอองและเชื้อโรคในอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและปรับตั้งค่าการทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ตอบสนองทุกความต้องการในการดูแลสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นในแต่ละวัน
- ข้อดี: ประสิทธิภาพสูงในการฟอกอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศที่มีพื้นที่กว้าง
- ข้อเสีย: ราคาสูงและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างมาก
รีวิวประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง
ผู้ใช้งานจริงให้ความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่น ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งาน
- Philips Series 3000i: ผู้ใช้ส่วนใหญ่พอใจกับประสิทธิภาพการกรองฝุ่นและความเงียบขณะทำงาน แต่บางคนอาจพบว่าราคาค่อนข้างสูง
–Xiaomi Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ซึ่งชื่นชอบความสะดวกในการใช้งานและฟังก์ชันการควบคุมที่สามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้อาจมีข้อจำกัดในด้านพื้นที่การฟอกอากาศ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในพื้นที่ใหญ่มากนัก หากคุณกำลังมองหาช่องทางในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในพื้นที่ขนาดเล็กถึงกลาง รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ! - Dyson Pure Cool TP07: ผู้ใช้พอใจกับดีไซน์และฟังก์ชันการทำงาน 2 in 1 แต่ก็มีความเห็นว่าราคาสูงเกินไปสำหรับการใช้งานในบ้านทั่วไป
ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศยอดนิยมในปี 2024
| รุ่น | พื้นที่การใช้งาน | ระบบกรอง | ระดับเสียง | ราคา (โดยประมาณ) | ลิงก์ซื้อ Lazada | ลิงก์ซื้อ Shopee |
|---|---|---|---|---|---|---|
| Philips Series 3000i | 95 ตร.ม. | HEPA + คาร์บอน | 33 dB (เงียบ) | 20,000 บาท | ซื้อที่ Lazada | ซื้อที่ Shopee |
| Xiaomi Air Purifier 4 Pro | 60 ตรม. | HEPA + คาร์บอน | 34.1 dB (เงียบมาก) | 7,000 บาท | ซื้อที่ Lazada | ซื้อที่ Shopee |
| Dyson Pure Cool TP07 | 81 ตร.ม. | HEPA + กรองกลิ่น | 40 dB (ปานกลาง) | 25,000 บาท | ซื้อที่ Lazada | ซื้อที่ Shopee |
| Sharp FP-J80TA | 62 ตร.ม. | Plasmacluster + HEPA | 49 dB (ปานกลาง) | 15,000 บาท | ซื้อที่ Lazada | ซื้อที่ Shopee |
| Blueair HealthProtect 7770i | 102 ตร.ม. | HEPASilent Ultra | 25 dB (เงียบสุด) | 30,000 บาท | ซื้อที่ Lazada | ซื้อที่ Shopee |
ในตารางนี้จะช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบ เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี 2024 ได้ง่ายขึ้น โดยดูจากขนาดพื้นที่ที่รองรับ ระบบกรองอากาศ ระดับเสียง และราคาประมาณการ นอกจากนี้ยังมีลิงก์ให้คุณซื้อสินค้าผ่าน Lazada และ Shopee ได้อย่างสะดวกตามรุ่นที่คุณสนใจ
ข้อดีและข้อเสียของการใช้เครื่องฟอกอากาศ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
การใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นละออง สารเคมี และเชื้อโรคในอากาศ ทำให้อากาศที่เราหายใจบริสุทธิ์ขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคร้ายแรงอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องฟอกอากาศแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เช่น การเปลี่ยนฟิลเตอร์ ซึ่งอาจมีราคาสูงขึ้นตามรุ่นและยี่ห้อ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ
1. เครื่องฟอกอากาศจำเป็นไหมในทุกบ้าน?
ใช่แล้ว! โดยเฉพาะในยุคที่มลพิษทางอากาศเพิ่มสูงขึ้น การมีเครื่องฟอกอากาศเป็นการลงทุนที่สำคัญ ช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5, ควัน, เชื้อโรค, สารก่อภูมิแพ้ และสารเคมีต่างๆ ในอากาศ ทำให้บ้านของคุณมีอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางเดินหายใจและปัญหาภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของคุณและคนในครอบครัว!
2. เครื่องฟอกอากาศช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ได้จริงหรือไม่?
แน่นอน! นี่คือการปรับเนื้อหาใหม่เกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศที่ใช้เทคโนโลยีกรอง HEPA:
เครื่องฟอกอากาศที่มีเทคโนโลยีกรอง HEPA เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้าน โดยเฉพาะในการกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก เช่น PM2.5 รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพเราทุกคน เช่น ขนสัตว์จากสัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ และฝุ่นที่สะสมในบ้าน การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่มีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การหายใจในอากาศที่สะอาดสดชื่นนั้นเป็นไปได้ และส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน!
3. ควรเปลี่ยนฟิลเตอร์ของเครื่องฟอกอากาศบ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปควรเปลี่ยนฟิลเตอร์ทุกๆ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่องฟอกอากาศและความถี่ในการใช้งาน คำแนะนำการเปลี่ยนฟิลเตอร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นและยี่ห้อ ดังนั้นควรตรวจสอบคำแนะนำจากผู้ผลิตอยู่เสมอ
4. เครื่องฟอกอากาศสามารถใช้งานในห้องที่มีสัตว์เลี้ยงได้หรือไม่?
ได้! ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องฟอกอากาศช่วยกรองขนสัตว์และฝุ่นที่สัตว์เลี้ยงอาจสร้างขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดภูมิแพ้และกลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัตว์เลี้ยง ทำให้ห้องที่มีสัตว์เลี้ยงอากาศสะอาดและสดชื่นมากขึ้น
5. เครื่องฟอกอากาศใช้พลังงานมากแค่ไหน?
เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่ใช้พลังงานไม่มากนัก โดยเฉลี่ยประมาณ 30-60 วัตต์ ขึ้นอยู่กับรุ่นและการตั้งค่า หากใช้โหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดอัตโนมัติ ก็สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้ แต่ควรตรวจสอบข้อมูลพลังงานของแต่ละรุ่นก่อนซื้อ
6. สามารถใช้เครื่องฟอกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงได้หรือไม่?
สามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่แนะนำให้ใช้งานในโหมดอัตโนมัติเพื่อปรับการทำงานตามสภาพอากาศและคุณภาพอากาศภายในห้อง การเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดเวลาจะช่วยให้คุณได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง
7. เครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนดีกว่าอย่างไร?
เครื่องฟอกอากาศที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชันช่วยให้คุณสามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกล ปรับโหมดการทำงาน ดูข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และตั้งเวลาปิดเปิดได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีวิถีชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบายสูง
8. เครื่องฟอกอากาศมีผลต่ออาการหอบหืดหรือไม่?
ใช่ เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบกรอง HEPA สามารถกรองสารก่อภูมิแพ้, ฝุ่นละออง, และเชื้อโรคในอากาศ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้ ดังนั้นการใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้านสามารถช่วยให้ผู้ที่มีอาการหอบหืดหายใจได้สะดวกขึ้น
9. เครื่องฟอกอากาศช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านได้ไหม?
เครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์คาร์บอนช่วยในการกำจัดกลิ่น เช่น กลิ่นควัน, กลิ่นอาหาร, และกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้เป็นอย่างดี การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์ชนิดนี้จะทำให้อากาศในบ้านสดชื่นมากขึ้น
10. เครื่องฟอกอากาศต้องการการบำรุงรักษาอย่างไร?
การบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างง่าย แค่ทำความสะอาดฟิลเตอร์เป็นระยะๆ และเปลี่ยนฟิลเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต รวมถึงทำความสะอาดตัวเครื่องและเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศเพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทส่งท้าย
เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของอากาศที่เราหายใจในชีวิตประจำวัน การมี เครื่องฟอกอากาศ ในบ้านกลายเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในปี 2024 ที่มลพิษทางอากาศและปัญหาสุขภาพจากฝุ่นละออง เช่น PM2.5 ยังคงเป็นภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมจึงเป็นการลงทุนในสุขภาพระยะยาวของคุณและคนที่คุณรัก
ในการเลือกเครื่องฟอกอากาศ คุณควรพิจารณาถึงขนาดพื้นที่ที่คุณต้องการฟอกอากาศ คุณสมบัติในการกรองฝุ่นละออง การทำงานที่เงียบและประหยัดพลังงาน ตลอดจนฟังก์ชันเสริมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ อย่างเช่น การควบคุมผ่านแอปพลิเคชันหรือโหมดอัตโนมัติ การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศที่ดีจะไม่เพียงแค่ทำให้คุณได้อากาศที่บริสุทธิ์ขึ้น แต่ยังช่วยปกป้องสุขภาพของคุณในระยะยาวอีกด้วย
ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือก เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี 2024 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกให้ตรงกับความต้องการของคุณ และดูแลรักษาเครื่องฟอกอากาศอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน อย่าลืมตรวจสอบและเปลี่ยนฟิลเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศของคุณสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมอบอากาศที่สดชื่นบริสุทธิ์ให้กับคุณตลอดเวลา
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากอากาศที่ดี ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
สำหรับลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติมและแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์เหล่านี้:
- AirNow.gov – เว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศและคำแนะนำในการลดผลกระทบจากมลพิษ: https://www.airnow.gov
- World Health Organization (WHO) – องค์การอนามัยโลกที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ: https://www.who.int
- Environmental Protection Agency (EPA) – หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ที่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษทางอากาศและวิธีการปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน: https://www.epa.gov
- Allergy & Asthma Network – องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการโรคภูมิแพ้และหอบหืด รวมถึงวิธีที่เครื่องฟอกอากาศสามารถช่วยลดอาการแพ้: https://www.allergyasthmanetwork.org
